วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กระบี่, โรงแรมดังในกระบี่ชุ่ยทำลายสิ่งแวดล้อม ทิ้งขยะกว่า 10 ตันข้างถนนส่งกลิ่นเหม็น ( ข่าวกระบี่ )

ขยะที่โรงแรมดังในกระบี่ทำมาสิ่งข้างถนน ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งทำลายสภาพสิ่งแวดล้อม

โรงแรมชื่อดังในเมืองกระบี่ ชุ่ย ทำลายสิ่งแวดล้อม นำขยะมาทิ้งข้างถนนจนล้น ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว อ้างรถขนขยะเสีย ขณะที่นายก อบต.หนองทะเล เตรียมลงดาบผู้ประกอบการ


ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชาวบ้านหมู่ที่ 3 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า ได้มีโรงแรมชื่อดังในพื้นที่นำขยะและซากสิ่งก่อสร้างจากโรงแรม มาทิ้งบริเวณข้างทางเป็นจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นไปทั่ว สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ผ่านสัญจรไปมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว เพราะบริเวณที่ทางโรงแรมนำขยะมาทิ้งเป็นถนนสายหลักที่จะเดินทางไปยังโรงแรมระดับ 5 ดาวหลายแห่ง


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดที่ได้รับการแจ้งมา พบว่า จุดที่มีการนำขยะมาทิ้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมภูเล ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โดยที่ขยะดังกล่าวมีเป็นจำนวนมากกว่า 10 ตัน ถูกนำมาทิ้งไว้ข้างถนน และทะลักเข้าไปในป่าโกงกาง ทั้งยังตกหล่นอยู่บนถนน ซึ่งเมื่อผ่านไปมาก็จะพบกับขยะและกลิ่นเหม็นไปทั่ว และจากการสอบถามคนงานก่อสร้างที่ปลูกสร้างแค้มที่พักบริเวณใกล้เคียงไม่มีคนออกมารับผิดชอบว่าใครที่ได้นำขยะมาทิ้งบริเวณดังกล่าว


ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า บริเวณรอบๆ กองขยะที่ทางโรงแรมนำมาทิ้งไว้ส่วนหนึ่งเป็นที่ราบลุ่มมีน้ำขัง และมีป่าโกงกางอยู่เป็นจำนวนมาก และอีกด้านหนึ่งเป็นเนินเขา แต่กลับพบว่า ได้มีการบุกรุกภูเขาดังกล่าวโดยการขึ้นไปทำลายในลักษณะเตรียมสร้างที่พัก แต่ก็ไม่ทราบว่า เป็นฝีมือของใคร ครั้นได้สอบถามชาวบ้านก็ไม่มีใครทราบ เพียงแต่บอกว่าเดิมทีพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวน แต่ในช่วง 1-2 ปีนี้ ได้มีการบุกรุกจากกลุ่มทุนเพื่อสร้างโรงแรม


นายสุขกาย จันทร์อ่อน นายก อบต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบว่า มีผู้ประกอบการนำขยะมาทิ้งบริเวณข้างทางในพื้นที่หมู่ที่ 3 ซึ่งเป็นย่านแหล่งท่องเที่ยว และมีธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาวอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อรับทราบแล้วก็จะได้รีบเข้าไปดำเนินการจัดเก็บให้เรียบร้อย และจะหาผู้ที่นำขยะมาทิ้งเพื่อรับผิดชอบ


ในส่วนของ อบต.เองได้มุ่งเน้นในเรื่องความสะอาดและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปดูแลได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเรื่องของการจัดเก็บขยะ เพราะ อบต.มีรถที่ใช้สำหรับเก็บขยะเพียง 1 คัน แต่จะต้องออกเก็บขยะถึง 7 ตำบล อีกทั้ง ต.หนองทะเล กำลังเติบโตทางด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ในส่วนของการทำงานของ อบต.ก็ตามไม่ทัน เพราะติดอยู่ที่เรื่องของงบประมาณ


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กองขยะ เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของขยะดังกล่าว ซึ่งในครั้งแรกทางโรงแรมปฏิเสธ และยืนยันว่า ไม่ใช่ขยะของโรงแรม ต่อจากนั้น ได้ประสานไปยังผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมภูเล แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ซึ่งได้ออกมารับสารภาพว่าขยะดังกล่าวเป็นของโรงแรมภูเล เพียงแต่ก่อนนั้นได้มีรถของ อบต.หนองทะเลมาจัดเก็บ แต่ในช่วงนี้ทางโรงแรมได้มีการปรับปรุงและก่อสร้างเพิ่มเติม จนทำให้มีขยะเพิ่มขึ้น ซึ่งทางโรงแรมก็มีรถกระบะที่ใช้สำหรับขนถ่ายขยะไว้ 1 คัน แต่เกิดเสีย จึงต้องนำขยะมาทิ้งบริเวณดังกล่าว และเตรียมที่จะย้ายไปที่อื่น ซึ่งตรงนี้ทางโรงแรมจะเข้าไปรับผิดชอบในทันที เพียงแต่ขออย่าได้ตกเป็นข่าวเพราะจะส่งผลเสียกับทางโรงแรม


ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวว่า ด้วยเหตุผลใดที่จำต้องนำขยะมาทิ้งบริเวณข้างทาง ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมภูเล กล่าวว่า ทางคนงานที่มารับเหมางานเป็นผู้นำไปทิ้ง ซึ่งทางโรงแรมไม่ทราบว่าเขานำไปทิ้งที่ใดแต่มารู้อีกครั้งเมื่อถูกชาวบ้านร้องเรียนว่าขยะดังกล่าวเป็นของโรงแรมภูเล และนำมาทิ้งบริเวณข้างถนน ซึ่งเป็นถนนที่ใช้สัญจรไปมาในย่านสถานที่ท่องเที่ยว

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อึ้ง! วาฬตาย เพราะกินถุงพลาสติก นำกระดูกจัดระลึก





เต่าทะเล ก็มี เซ่นถุงพลาสติก นำกระดูก วาฬ ตาย จัดระลึก!
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

นำกระดูก "วาฬหัวทุยแคระ" เหยื่อขยะพลาสติก จัดแสดงให้ความรู้ ถึงประวัติความเป็นมา สาเหตุการตาย ให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยของขยะที่ถูกทิ้งลงทะเล พร้อมทั้งตั้งชื่อ "ยะหยา" เป็นที่ระลึก ชี้เป็นบทเรียนแม้เป็นสัตว์อยู่ท้องทะเลลึก แต่ได้รับผลกระทบจากน้ำมือมนุษย์ ขณะที่สัตวแพทย์ชี้ นอกจากวาฬยังมี "เต่าทะเล" ตกเป็นเหยื่อ ใน 1 ปีมาเกยตื้นตาย 20-30 ตัว ครึ่งหนึ่งกินพลาสติก เพราะเข้าใจว่าเป็นแมงกะพรุน ก่อนตายจะเจ็บปวดทรมานมาก กระเพาะไม่ย่อย อ้วก หมดแรงกระทั่งตาย
จากเหตุการณ์สลด "วาฬหัวทุยแคระ" เพศเมีย ลำตัวยาวกว่า 2 เมตร หนักเกือบร้อยกิโลฯ ว่ายมาเกยตื้นที่ชายหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ตรวจสอบเบื้องต้นมีบาดแผลเต็มตัว อยู่ในสภาพใกล้ตาย สัตวแพทย์ฉีดยากันช็อกระหว่างเคลื่อนย้ายไปรักษา แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ตายระหว่างทาง เมื่อผ่าท้องและกระเพาะถึงกับผงะ มีขยะพลาสติกเต็มท้อง คาดเป็นสาเหตุทำให้ไม่ย่อยและขับถ่ายระบายออกมาไม่ได้ ทางนักวิชาการด้านทรัพยากรทางทะเลวอนนักท่องเที่ยวอย่าทิ้งขยะพลาสติกลงทะเล หวั่นวาฬและสัตว์น้ำอื่นกินตายอีก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลพยายามรณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจ และดูแลทะเลโดยไม่ทิ้งขยะลงทะเล นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมเก็บขยะในทะเลอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะท้องทะเลกว้างใหญ่มาก จากกรณีของวาฬหัวทุยแคระน่าจะบ่งบอกได้ว่าปัจจุบันขยะไม่ได้มีอยู่แค่ชาย ฝั่งเท่านั้น แต่ลุกลามออกไปไกลในท้องทะเลลึก เพราะปกติวาฬจะไม่ว่ายเข้ามาใกล้ฝั่ง อยู่ในท้องทะเลที่ไกลออกไป

อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวต่อว่ากรณีนี้จึงน่าเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกฝ่ายหันมาช่วยกันรณรงค์ดูแลท้องทะเลมากขึ้น เพราะขณะนี้ไม่เพียงแต่สิ่งที่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์เท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ก็ทำให้สภาพท้องทะเลเปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลด้วย ดังนั้นสิ่งที่ต้องช่วยกันคือพยายามดูแลรักษาท้องทะเลอย่างดีที่สุด ไม่ทำลายด้วยการทิ้งขยะลงไป แม้จะเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ส่งผลกระทบได้เช่นกัน นอกจากนี้ ในวันที่ 8 มิ.ย. เป็นวันทะเลโลก หรือ World Ocean day การตายของวาฬหัวทุยแคระน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ตระหนัก และช่วยกันดูแลทรัพยากรทางทะเลให้มากขึ้น
ด้าน น.สพ.สนธยา มานะวัฒนา สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ชันสูตรซากวาฬที่ตายเรียบร้อยแล้ว พบว่าสาเหตุน่าจะมาจากภาวะอุดตันของกระเพาะอาหาร ที่มีเศษขยะพลาสติกเข้าไปอุดตันจำนวนมาก ทำให้กระเพาะอักเสบ เป็นแผลหลุม และปื้นเลือดออกกระจายทั่วกระเพาะ นอกจากนี้ ยังพบภาวะท้องผูกบริเวณลำไส้เล็กส่วนท้าย บ่งชี้ถึงสภาวะขาดสารน้ำ คาดว่าเกิดจากการไม่ได้กินอาหารมาระยะเวลาหนึ่ง รวมทั้งพบภาวะติดเชื้อเป็นหนองในมดลูก ม้ามมีลักษณะหดตัวเล็กน้อย บ่งชี้ถึงการเสียเลือด เกิดจากแผลจำนวนมากในร่างกาย โดยภาวะทั้งหมดทำให้ร่างกายอ่อนแอ ขาดสารอาหาร และช็อกจากความ เจ็บปวด
น.สพ. สนธยากล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยพบสัตว์หลายชนิดที่ต้องตายเพราะกินถุงพลาสติกเข้าไป โดยเฉพาะพวกเต่าทะเล พบมาก ปีหนึ่งๆ จะมีเต่าเกยตื้นตาย 20-30 ตัว ครึ่งหนึ่งตายหรือพิการ เพราะติดเศษอวนของชาวประมง แต่อีกครึ่งหนึ่งตายเพราะกินถุงพลาสติกเข้าไป เนื่องจากมันเข้าใจว่าเป็นพวกแมง กะพรุน ถ้าหากสัตวแพทย์พบเร็วก็อาจจะช่วยชีวิตไว้ได้ แต่หากนานโอกาสมีชีวิตเหลือน้อย ที่พบส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นโคม่าแล้ว เนื่องจากสัตว์จะไม่เข้ามาใกล้ชายฝั่ง หรือมนุษย์ จนกระทั่งไม่ไหวแล้วเท่านั้นจึงถูกคลื่นซัดเข้ามา หากสัตว์ทะเลหรือสัตว์ต่างๆ กินพลาสติกเข้าไปจะเจ็บปวดและทรมานมาก เพราะกระเพาะไม่สามารถย่อยได้ จะทำให้ปวดท้องรุนแรง กินอาหารอื่นไม่ได้ อ้วกออกมาหมด ทำให้หมดแรงและตายในที่สุด

ส่วน น.ส.กาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน (ภูเก็ต) กล่าวว่า หลังจากชันสูตรซากวาฬแล้ว ทางสถาบันจะนำซากกระดูกของวาฬตัวนี้มาจัดเป็นมุมให้ความรู้ อยู่ในบริเวณสถาบัน พร้อมทั้งประวัติ ความเป็นมา และสาเหตุของการตายทั้งหมด เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนถึงพิษภัยของขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล รวมทั้งสร้างความตระหนักให้ประชาชน เพื่อช่วยกันดูแลท้องทะเล ไม่ทิ้งขยะลงไปสร้างความสกปรกให้ท้องทะเล และยังทำให้สัตว์ทะเลหายาก และสัตว์ทะเลอื่นๆ มีโอกาสตายจากการกินขยะเหล่านี้ด้วย

นักวิชาการ กลุ่มสัตว์ทะเลหายากฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังตั้งชื่อให้วาฬหัวทุยแคระเพศเมียตัวนี้ว่า ยะหยา หมายถึงชุดท้องถิ่นของสตรีชาวภูเก็ต เพื่อเป็นที่ระลึกว่า มันได้มาตายที่ชายหาดป่าตอง ภูเก็ต และยังเป็นบทเรียนให้แก่มนุษย์เห็นว่า สัตว์ทะเลแม้อยู่ในท้องทะเลลึกก็อาจจะได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากผลงานของ มนุษย์ได้เช่นกัน อีกทั้งมันยังช่วยสร้างกระแสให้คนตื่นตัวในการให้ความสำคัญรักษาธรรมชาติ มากขึ้น หวังว่าเมื่อเอ่ยชื่อยะหยาก็จะทำให้ทุกคนตระหนักไม่ทิ้งขยะลงในท้องทะเล หรือช่วยกันเก็บขยะขึ้นจากทะเลมากขึ้นอีกด้วย

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ระทึก! ช้างป่าคลั่ง บุกเมืองไล่กระทืบชาวบ้านดับ



สื่อต่างประเทศ รายงานว่า วานนี้(8มิถุนายน) ช้างป่า 2 ตัวออกอาละวาดกลางเมืองมีซอร์ ของอินเดีย สร้างความแตกตื่นและผู้คนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ช้างป่าทั้ง 2 ตัว ออกจากป่าใกล้เคียง มุ่งหน้าเข้าสู่เมือง และอาละวาดฆ่าชายวัย 55 ปี หลังเขาได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดูนอกบ้าน ทำให้ถูกช้างใช้งวงฟาดและกระทืบตายคาที่
หลังจากเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่อุทยานและพนักงานของสวนสัตว์มีซอร์ ได้ช่วยกับจับและให้ยาระงับประสาทแก่พวกมัน พร้อมทั้งส่งกลับคืนสู่ป่าในช่วงค่ำ







การที่ช้างป่าอาละวาดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า น่าจะเป็นผลมาจากการที่ถูกมนุษย์บุกรุกป่า ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าดังกล่าว